DTCENT มั่นใจเข้าเทรดวันแรก สร้างความประทับใจชูจุดเด่นอยู่ในอุตฯเมกะเทรนด์ "ขนส่ง-โลจิสติกส์-ไอซีที" อนาคตโตแรงผนึก 2 พันธมิตรรายใหญ่ "ยาซากิ-บุญรอด ซัพพลายเชน" บุกอาเซียน
บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ผู้ให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ของไทย เตรียมลงสนามเทรดใน SET วันที่ 15 ธันวาคมนี้ มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง สร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจเพราะอยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ของโลก "ขนส่ง-โลจิสติกส์-ไอซีที" มีแนวโน้มเติบโตสูง ฟากซีอีโอ"ทศพล คุณะเพิ่มศิริ" ระบุหลังระดมทุนเพิ่มศักยภาพฐานทุน สร้างโอกาสใหม่ในการลงทุน พร้อมจับมือ 2 พันธมิตรรายใหญ่ "ยาซากิ-บุญรอด ซัพพลายเชน" ต่อยอดธุรกิจ IoT Solution บุกตลาดต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน หนุนอนาคตเติบโตก้าวกระโดด
นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธันวาคม 2565 หุ้น DTCENT เตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มั่นใจว่า จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ในฐานะผู้นำระบบติดตามยานพาหนะ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม2565) รวมถึงผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 25 ปี มีพันธมิตรรายใหญ่ทั้งบริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) และบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนในการแข่งขัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น
รวมถึงยังมีทีมงานในการพัฒนาระบบ IoT Solution เพื่อรองรับด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานจากนโยบายของภาครัฐ จะช่วยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสำเร็จ ทำให้มีศักยภาพในการขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
“จากแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพฐานทุนรองรับแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ IoT Solution เพิ่มเติมกับภาครัฐและเอกชนในอนาคต รวมถึงการลงทุนสร้างศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ (Vehicle Monitoring and Support Center) และลงทุนในธุรกิจที่คล้ายคลึงและมีความเกี่ยวเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และไปยังต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้” นายทศพล กล่าว
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (IPO) บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า หุ้น DTCENT จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่โดดเด่น เห็นได้จากในช่วงระหว่างเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ DTCENT กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.86 บาท เตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายคือ"DTCENT" ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หุ้น DTCENT อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนส่ง โลจิสติกส์ และไอซีที ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง และปัจจุบันความต้องการในธุรกิจ GPS Tracking เพิ่มขึ้น และจะสนับสนุนให้เติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TTB Analytics ประเมินว่า ภาคธุรกิจขนส่งไทยในปี2565 จะเติบโตประมาณ 10.5% จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย
ส่วนงาน IoT Solution ซึ่งจะมาช่วยเสริมรายได้ให้กับบริษัทในช่วงปี 2565-66 มีแนวโน้มเติบโตดีเช่นกัน อ้างอิงจากงานวิจัยของบริษัท Frost & Sullivan และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ประเมินว่ามูลค่าตลาดอุตสาหกรรมไอโอทีในประเทศไทย จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดคิดเป็นอัตราเติบโตCAGR (ปี 2561-76) เฉลี่ย 30.18% ต่อปี จากความพร้อมของ Digital Infrastructure โดยเฉพาะโครงข่าย 5G ที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น และการสนับสนุนของภาครัฐตามนโยบาย Thailand 4.0
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง งบประมาณในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการเข้าไปประมูลงานด้าน IoT Solution เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้ DTCENT มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต